กลยุทธ์มาร์ติงเกลคืออะไร และวิธีใช้ในการเทรด

25 Jun, 2025 อ่าน 15 นาที

กลยุทธ์มาร์ติงเกลคืออะไร?

ประเภทของมาร์ติงเกล

แกรนด์มาร์ติงเกล

มาร์ติงเกลย้อนกลับ

พีระมิดมาร์ติงเกล

ตัวอย่างกลยุทธ์มาร์ติงเกล

มาร์ติงเกลทำงานอย่างไรในการเทรด?

วิธีเทรดด้วยมาร์ติงเกล

ความเสี่ยงในการเทรดด้วยกลยุทธ์มาร์ติงเกล

กลยุทธ์นี้เหมาะกับคุณไหม?

กลยุทธ์มาร์ติงเกลเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรด Forex ที่มีข้อถกเถียงมากที่สุด เรียนรู้ประวัติเบื้องหลังเทคนิคที่คล้ายกับการพนันและวิธีใช้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ

ประวัติศาสตร์ของตลาดการเงินเต็มไปด้วยนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อทำเงินจากตลาด ในทศวรรษ 1930 คุณ Jesse Livermore ใช้กลยุทธ์พฤติกรรมราคาเรียบง่ายจนร่ำรวย ในทศวรรษ 1950 คุณ Warren Buffett เริ่มตั้งบริษัทการลงทุนที่มีมุมมองระยะยาว ในปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าตลาด 516 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในทศวรรษ 1980 คุณ James Simmons เปิดตัวแนวคิดการเทรดโดยใช้โปรแกรมอัตโนมัติ ซึ่งมีมูลค่าสุทธิมากกว่า 18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันนี้ ในขณะเดียวกัน คุณ Steve Cohen ร่ำรวยจากการเทรดโดยใช้ข้อมูลภายในโดยมีมูลค่ากว่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนคุณ Carl Icahn ร่ำรวยจากการเป็นนักเทรดของบริษัทโดยมีมูลค่ากว่า 16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตัวอย่างที่กล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของตลาดทุนและวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ทำเงิน นักเทรดจากทั่วโลกใช้กลยุทธ์อื่น ๆ นับพันรายการทุกวัน บางกลยุทธ์ (เช่น การลงทุนแบบเน้นคุณค่าและการเทรดโดยใช้พฤติกรรมราคา) ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ขณะที่บางกลยุทธ์ยังเป็นที่ถกเถียง เช่น กลยุทธ์การเทรดมาร์ติงเกล

กลยุทธ์มาร์ติงเกลคืออะไร?

มาร์ติงเกลเป็นกลยุทธ์เก่าแก่ที่พัฒนาโดยนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสนามว่า Paul Pierre Levy คุณ Paul เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงจากการวางรากฐานทฤษฎีความน่าจะเป็น เช่น เวลาท้องถิ่น การแจกแจงแบบเสถียร และฟังก์ชันบ่งชี้

แนวคิดกลยุทธ์มาร์ติงเกลถูกใช้ครั้งแรกในอุตสาหกรรมการพนัน ในปัจจุบัน คาสิโนมากมายใช้แนวคิดของเขาเพื่อกำหนดจำนวนเงินเดิมพันขั้นต่ำและสูงสุด และยังใช้ในการออกแบบวงล้อรูเล็ตที่มี 2 ช่องสีเขียวเพิ่มเติมจากการพนันคู่หรือคี่

กลยุทธ์นี้อ้างอิงจากแนวคิดการกลับสู่ค่าเฉลี่ย ตามทฤษฎีแล้ว นักเทรดเพิ่มเงินเป็นสองเท่าหลังจากแพ้พนัน เช่น หากคุณพนัน $10 แล้วเสีย กลยุทธ์จะแนะนำให้วางเงินเดิมพันสูงขึ้น หากยังเสียอีก ก็วางเงินเดิมพันสูงยิ่งขึ้น แนวคิดการกลับสู่ค่าเฉลี่ยจะมีสมมติฐานว่าการแพ้พนันต่อเนื่องจะกลับทิศทาง ณ จุดใดจุดหนึ่ง และการชนะพนันด้วยเงินจำนวนมากกว่าจะครอบคลุมจำนวนเงินที่เสียจากการพนัน

ประเภทของมาร์ติงเกล

เรามาดูแนวทางการใช้มาร์ติงเกลแบบต่าง ๆ และแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรกัน

แกรนด์มาร์ติงเกล

ถ้านักเทรดขาดทุนจากการเทรด เขาจะเพิ่มเงินลงทุนเป็นสองเท่าและลงทุนเพิ่มอีกเล็กน้อยในการเทรดครั้งต่อไป

ในการเทรด Forex ถ้านักเทรดใช้ล็อตมาตรฐานในการเทรด (1 ล็อต) หากเปิดการเทรดและการเทรดแตะระดับ Stop Loss ที่ตั้งไว้ เขาจะเพิ่มขนาดล็อตเป็นสองเท่าและเพิ่มหน่วยลงทุนเล็กน้อย (เช่น 0.01 ล็อต) ล็อตเทรดรอบที่สองจะเท่ากับ 2.01 ล็อต หากยังขาดทุนจากการเทรด นักเทรดจะเพิ่มปริมาณล็อตก่อนหน้าเป็นสองเท่าและเพิ่มหน่วยลงทุนเล็กน้อย คือ 2.01×2(+0.01) = 4.03 ล็อต

แกรนด์มาร์ติงเกลมีเป้าหมายที่จะชดเชยผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการเทรดก่อนหน้าทั้งหมดพร้อมเงินกำไรเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้อาจมีความเสี่ยงสูง หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง

มาร์ติงเกลย้อนกลับ

ในทางตรงกันข้าม กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้เข้าร่วมตลาดที่ไม่ต้องการไล่ตามผลขาดทุนแต่ใช้ประโยชน์จากการเทรดที่ปิดเป็นกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยนักเทรดจะเพิ่มฐานะเป็นสองเท่าหลังจากการเทรดที่ปิดเป็นกำไรแต่ละครั้ง และกลับมาลงทุนในจำนวนเริ่มต้นหลังขาดทุน

กลยุทธ์มาร์ติงเกลย้อนกลับต้องมีการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดอย่างระมัดระวัง (ทั้งปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค) เพื่อวัดระยะเวลาการเทรดที่ปิดเป็นกำไรที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่แตะระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เป้าหมายหลักคือการรักษาผลตอบแทนขณะที่จำกัดผลขาดทุน ผลขาดทุนครั้งเดียวอาจกลืนกินเงินกำไรจากการเทรดก่อนหน้าทั้งหมด จึงต้องมีการบริหารความเสี่ยงและแนวปฏิบัติการเทรดที่มีวินัย

พีระมิดมาร์ติงเกล

แนวทางมาร์ติงเกล Forex ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงอิงตามแนวโน้มของกลยุทธ์เริ่มต้น มีเป้าหมายเพื่อให้บัญชีของนักเทรดเติบโตโดยการปรับการเทรดตามแนวโน้มหลักของตลาด หลังการเทรดที่ปิดเป็นกำไรแต่ละครั้ง นักเทรดจะรีเซ็ตขนาดการเทรดและมุ่งมั่นที่จะปกป้องเงินกำไรอย่างน้อยหนึ่งหน่วยต่อการเทรดที่ปิดเป็นกำไร

วิธีนี้กระตุ้นให้ลดขนาดการเทรดหลังการเทรดที่ปิดเป็นกำไรแต่ละครั้ง ซึ่งสะท้อนความเชื่อว่าทุกการเทรดที่ปิดเป็นกำไรควรถือเป็นโอกาสการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปแทนที่จะเป็นคำเชิญให้ไล่ตามผลขาดทุนจากการเทรดก่อนหน้า จึงเหมาะกับนักเทรดที่หลีกเลี่ยงการลงทุนก้อนโตและหาแนวทางการเทรดที่ระมัดระวังกว่า

ตัวอย่างกลยุทธ์มาร์ติงเกล

ตัวอย่างด้านล่างจะแสดงให้เห็นวิธีใช้กลยุทธ์มาร์ติงเกลในการเทรด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มการลงทุนในช่วงขาลง คุณเพิ่มศักยภาพการกู้คืนผลขาดทุนและสร้างเงินกำไรเมื่อตลาดรีบาวน์

เรามาพิจารณาสถานการณ์การเทรดคู่สกุลเงิน USDEUR ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยู่ที่ 1 คุณซื้อคู่สกุลเงินนี้ 1 หน่วยในตอนแรก หากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเหลือ 0.70 คุณจะขาดทุน 0.30 แทนที่จะออกจากการเทรด คุณซื้อเพิ่มอีก 2 หน่วยในราคารวม 1.40 เงินลงทุนสะสม (สำหรับ 3 หน่วย) จึงเท่ากับ 2.10 ซึ่งจะลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเหลือ 0.70 หากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเป็น 1.10 และขายทั้ง 3 หน่วยในราคา 3.30 เงินกำไรรวมจากการเทรดครั้งนี้จะเท่ากับ $1.20

พิจารณาสถานการณ์ที่คุณกำลังเทรดคู่สกุลเงิน GBPJPY ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยู่ที่ 150 คุณเริ่มซื้อคู่สกุลเงินนี้ 1 หน่วย หากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเหลือ 140 คุณจะขาดทุน 10 แทนที่จะปิดฐานะ คุณซื้อเพิ่มอีก 2 หน่วยในราคา 280 เงินลงทุนรวม (สำหรับ 3 หน่วย) จึงเท่ากับ 290 ซึ่งจะลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเหลือ 96.67 หากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 160 และตัดสินใจขาย 3 หน่วยในราคา 480 เงินกำไรรวมจากการเทรดครั้งนี้จะเท่ากับ $190

มาร์ติงเกลทำงานอย่างไรในการเทรด?

หลักทรัพย์ทางการเงินจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง ตลาดจะสร้างรูปแบบราคาต่าง ๆ รวมถึงการดึงกลับ เมื่อนักเทรดเปิดการเทรด เป้าหมายของเขาคือใช้ประโยชน์จากแนวโน้ม เมื่อเปิดออเดอร์ซื้อ เขาต้องการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มขาขึ้น และเมื่อเปิดออเดอร์ขาย เขาต้องการใช้ประโยชน์การลดลงของราคา การเทรดที่สร้างเงินกำไรมากที่สุดคือการเทรดตามแนวโน้ม

เนื่องจากตลาดมีความเสี่ยง การระบุแนวโน้มจึงต้องใช้เวลา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกระทั่งนักเทรดฝีมือดีที่สุดในโลกก็ขาดทุนเป็นครั้งคราว เมื่อนักเทรดที่ใช้แนวทางมาร์ติงเกลขาดทุนจากการเทรด เขาจะเพิ่มเงินลงทุนเป็นสองเท่า

ถ้าการเทรดเดิมคือออเดอร์ซื้อ EURUSD ขนาด 0.01 ล็อต นักเทรดจะเปิดออเดอร์ซื้อขนาด 0.02 ล็อต หากยังขาดทุน นักเทรดจะเปิดออเดอร์ซื้อ 0.04 ล็อต และหากยังคงขาดทุน เขาจะเปิดออเดอร์ซื้อขนาด 0.08 ล็อต โดยมีสมมติฐานว่าหากการเทรดครั้งสุดท้ายปิดเป็นกำไร เงินกำไรจะครอบคลุมผลขาดทุนจากการเทรดก่อนหน้า ดังนั้น ขนาดล็อตและราคาหลักทรัพย์จะดีขึ้นสำหรับการเทรด

แนวทางนี้ยังอ้างอิงวิธีถัวเฉลี่ยต้นทุน โดยนักเทรดจะเพิ่มการเทรดเป็นสองเท่าเมื่อราคาไม่ได้เคลื่อนไหวตามที่คาดการณ์ไว้ เช่น สมมติว่าคุณซื้อหุ้น Daisy, LLC ราคา $50 หลังจากนั้นไม่นาน วาณิชธนกิจเผยแพร่รายงานที่ดาวน์เกรดหุ้น ราคาหุ้นจึงลดลงเหลือ $40 คุณสามารถเลือกที่จะออกจากการลงทุนพร้อมผลขาดทุน $10 หรือเลือกที่จะซื้อหุ้นเพิ่ม (หากยังเชื่อมั่นในบริษัท) หากราคาหุ้นฟื้นตัว คุณจะสร้างเงินกำไรก้อนโต

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือเมื่อคุณ Bill Ackman (ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มีชื่อเสียง) ตัดสินใจซื้อหุ้นร้านอาหารเชนอย่าง Chipotle Mexican Grill ในราคา $410 ในปี 2016 หลังจากซื้อหุ้นเพียงไม่กี่เดือน ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $500 ก่อนจะลดลง ราคาหุ้นแตะจุดต่ำสุดที่ $250 ในช่วงต้นปี 2018 กองทุนของเขาเข้าซื้อหุ้นนี้มากขึ้น ราคาหุ้นเริ่มกลับมาอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรกของปี และซื้อขายในราคา $520 ในเดือนสิงหาคม ดังนั้น การลงทุนหุ้นในราคา $250 สร้างเงินกำไรมากกว่าการลงทุนตอนแรก

วิธีเทรดด้วยมาร์ติงเกล

ในการใช้กลยุทธ์มาร์ติงเกลในการเทรด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ ทำตามแนวทางที่ประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้

  1. เลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมอิงตามภาวะตลาดปัจจุบัน การประเมินว่าตลาดมีแนวโน้ม (แสดงการเคลื่อนไหวเป็นขาขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน) หรือไม่มีแนวโน้มชัดเจน (เคลื่อนไหวภายในกรอบราคา) เป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องวิเคราะห์ผลการดำเนินงานในอดีตของคู่สกุลเงินที่เลือกอย่างละเอียด ซึ่งควรแสดงแนวโน้มโอกาสสร้างเงินกำไรมากกว่าผลขาดทุนในระยะยาว
  2. เปิดฐานะแรก ในตลาดขาขึ้น นักเทรดมักจะเปิดฐานะซื้อเมื่อราคาเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน นักเทรดเปิดฐานะขายในตลาดขาลงเมื่อราคาลดลง ออเดอร์แรกจะเป็นฐานสำหรับการเทรดที่ตามมา
  3. ติดตามตลาด หากมูลค่าของคู่สกุลเงินที่เลือกลดลงหลังจากเปิดการเทรดแรก เปิดฐานะเพิ่มสองเท่าในการเทรดครั้งต่อไป ขั้นตอนนี้ทำซ้ำได้หลายรอบ (โดยยึดตามวงเงินเทรดสูงสุดที่กำหนดไว้) จนกว่าราคาคู่สกุลเงินจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
  4. ปิดฐานะเพื่อรักษาผลตอบแทนเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินเพิ่มขึ้น ครอบคลุมผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการเทรดก่อนหน้าทั้งหมดและมีเงินกำไร

ความเสี่ยงในการเทรดด้วยกลยุทธ์มาร์ติงเกล

การใช้แนวทางมาร์ติงเกลในการเทรดมาพร้อมความเสี่ยงบางประการและควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

  • คู่สกุลเงินอาจอยู่ในแนวโน้มหนึ่งเป็นเวลานาน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือราคาในตลาดทองคำปี 2018 โดยราคาทองคำแตะจุดสูงสุดที่ $1,365 ในเดือนเมษายน และเริ่มลดลงจนแตะจุดต่ำสุดที่ $1,160 ในเดือนสิงหาคม ดังนั้น นักเทรดที่เชื่อว่าทองคำเป็นขาขึ้นและยังคงเพิ่มเงินลงทุนเป็นสองเท่าจะขาดทุนก้อนโต เพราะแนวโน้มไม่กลับทิศทาง
  • อีกหนึ่งตัวอย่างจะวกกลับมายังคุณ Bill Ackman ไม่กี่ปีก่อนหน้า เขาลงทุนใน Valeant Pharmaceuticals ในราคา $150 หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $250 และเริ่มลดลง เมื่อราคาหุ้นลดลง เขาซื้อหุ้นเพิ่มโดยหวังว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัว ในปี 2017 เขาถูกบังคับให้ออกจากการลงทุนพร้อมผลขาดทุน 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ผลขาดทุนแบบทบต้นอาจต้องใช้เงินทุนไม่จำกัดเพื่อเทรดในระบบนี้
  • อาจขาดทุนก้อนโตหากตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน

กลยุทธ์นี้เหมาะกับคุณไหม?

กลยุทธ์การเทรดมาร์ติงเกลค่อนข้างที่เป็นถกเถียงในหมู่นักเทรด เมื่อใช้อย่างเหมาะสม จะช่วยกู้คืนผลขาดทุนและเทรดอย่างมีประสิทธิภาพได้ อย่างไรก็ตาม หากมีอะไรผิดพลาด ผลขาดทุนจะมากขึ้น ดังนั้น ขอให้ใช้เวลาเรียนรู้และฝึกใช้ในบัญชีทดลองเทรด และอย่าลืมว่าบัญชีเทรดต้องมียอดคงเหลือเพียงพอและใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง

มาเป็นนักเทรดมืออาชีพกับ Octa

สร้างบัญชีและเริ่มฝึกฝนตอนนี้

Octa