รูปแบบ VCP คืออะไร และวิธีใช้ในการเทรด

28 May, 2025 อ่าน 9 นาที

รูปแบบ Volatility Contraction Pattern คืออะไร

องค์ประกอบสำคัญของ VCP

VCP เทียบกับรูปแบบกราฟขาขึ้นอื่น

วิธีเทรดโดยใช้ VCP

ตัวอย่างรูปแบบ Volatility Contraction Pattern

ข้อสรุป

นักเทรด Forex ใช้รูปแบบกราฟมาหลายสิบปี เนื่องจากราคาขึ้นลงตามการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานในตลาด ความสามารถในการค้นหารูปแบบราคาที่เกิดขึ้นซ้ำของนักเทรดจำเป็นต่อการตัดสินใจโดยมีข้อมูลรอบด้านและฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นในตลาด

มีรูปแบบราคาเกิดขึ้นมากมายในตลาดทุกวัน หนึ่งในรูปแบบราคายอดนิยมคือรูปแบบ Volatility Contraction Pattern (VCP) ซึ่งนักเทรดให้ความสำคัญเนื่องจากความเชื่อถือได้

รูปแบบ Volatility Contraction Pattern คืออะไร

คุณ Mark Minervini นักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์เทรด 30 ปี คิดค้นรูปแบบ Volatility Contraction Pattern (VCP) เพื่อระบุหุ้นขาขึ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ รูปแบบ VCP ก่อตัวในตลาดขาขึ้น ซึ่งแนวโน้มขาขึ้นพักฐานก่อนจะขึ้นต่อ

ลักษณะสำคัญข้อหนึ่งของ VCP คือการหดตัวของราคาในกรอบราคาแคบ ๆ หลักการเบื้องหลังรูปแบบนี้คือ ตลาดมักเคลื่อนไหวจากระยะสะสม พักฐาน และแนวโน้มชัดเจน

การดึงกลับของราคา (จุดต่ำสุด) จะเล็กลงเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้ง แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อเข้าตลาดก่อนหน้าในแต่ละครั้งต่อแรงขายที่ลดลง

จุดสวิงสูงสุดใน VCP ไม่ควรเพิ่มขึ้น หากคุณเห็นจุดสวิงสูงสุดเพิ่มขึ้น บางทีอาจเป็นรูปแบบลิ่มขาขึ้น ซึ่งมักเป็นรูปแบบกราฟขาลง

องค์ประกอบสำคัญของ VCP

รูปแบบ Volatility Contraction Pattern เป็นเครื่องมือเทรดสำคัญของนักเทรดสายพฤติกรรมราคาที่มีกลยุทธ์อิงจากการทะลุของราคา รูปแบบก่อตัวเมื่อตลาด (เช่น Forex) หดตัว และทะลุกรอบราคาก่อนมีโมเมนตัม

VCP ที่ดีมีองค์ประกอบสำคัญหลายประการ

  • การหดตัวของราคา กรอบราคาเล็กลงเรื่อย ๆ ทำให้เกิดกรอบแคบทรงคล้ายสามเหลี่ยม ตัวอย่างเช่น การดึงกลับครั้งแรกอยู่ที่ระดับฟีโบ 0.61 ครั้งต่อไปจะอยู่ที่ระดับฟีโบ 0.5 และลดลงไปเรื่อย ๆ การดึงกลับที่หดตัวลงเป็นลำดับแสดงให้เห็นว่าแรงขายลดลง
  • ปริมาณการเทรดลดลง การดึงกลับยังทำให้เห็นการลดลงของปริมาณการเทรด แสดงให้เห็นว่ามีผู้ขายน้อยราย อุปทานเหือดหาย และผู้ซื้อจะเข้าตลาดและดันราคาให้สูงขึ้น
  • โครงสร้างและสมมาตร รูปแบบ VCP ที่ดีจะดูคล้ายกับรูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งประกอบด้วย 2–6 จุดต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดเดิมแบบสมมาตร แสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังสะสมออเดอร์และเกือบพร้อมทะลุกรอบราคาแล้ว
  • อุปทานตรง Pivot Point มีน้อย รูปแบบ VCP จะมีระดับอุปทานต่ำสุดก่อนการทะลุของราคา ซึ่ง Pivot Point เป็นสัญญาณว่าตลาดจะเผชิญกับความผันผวนสูงเมื่อราคาถูกดันให้สูงขึ้น
  • ความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น VCP คือรูปแบบกราฟบอกความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น แนะนำให้เทรดหลังแนวโน้มระยะยาวเมื่อตลาดพักฐาน (ระยะสะสมออเดอร์)

VCP เทียบกับรูปแบบกราฟขาขึ้นอื่น

VCP กับรูปแบบ Cup with Handle

รูปแบบ Volatility Contraction ที่ดีประกอบด้วยจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดเดิมหลายจุดที่ทำให้กรอบราคาแคบลงเรื่อย ๆ ซึ่งนำไปสู่การทะลุของราคาอย่างรุนแรง จึงเหมาะกับนักเทรดที่ต้องการใช้ประโยชน์จากโมเมนตัม

แต่รูปแบบ Cup with Handle แตกต่างจาก VCP ตรงที่ใช้เวลาก่อตัวนานกว่า และยังมีก้นกลม แตกต่างจากรูปแบบ VCP ที่มีจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดเดิมในแนวนอน ก้นกลมที่ยืดยาวของ Cup with Handle แสดงให้เห็นถึงเวลาที่นักเทรดรายใหญ่ (เช่น เฮดจ์ฟันด์) ใช้สะสมออเดอร์ ขณะที่กรอบราคาแคบกว่าของ VCP ส่งสัญญาณการทะลุของราคาเร็วกว่า

VCP กับรูปแบบ Double Bottom

นักเทรดสายพฤติกรรมราคาต้องทราบรูปแบบ Double Bottom รูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคนี้ประกอบด้วยจุดต่ำสุดสองจุด นักเทรดพิจารณาว่า Double Bottom เป็นรูปแบบการกลับทิศทางเป็นขาขึ้นที่ดีเมื่อการดันราคาไปยังจุดต่ำสุดครั้งที่สองไปไม่ถึงจุดต่ำสุดแรก รูปแบบ Double Bottom มีการดึงกลับ/การกลับตัวเดียว ถึงแม้ Double Bottom จะถือเป็นรูปแบบการกลับทิศทาง แต่อาจถือว่าเป็นรูปแบบความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้นหลังราคากลับมาทดสอบระดับแนวรับก่อนหน้า

รูปแบบ Double Bottom ไม่มีระยะสะสมทำให้มีความเสี่ยงกว่า ในทางกลับกัน การหดตัวของราคาตามลำดับใน VCP ทำให้มีความเสี่ยงต่ำ

วิธีเทรดโดยใช้ VCP

นักเทรดควรมีกลยุทธ์ที่ใช้เสริมกับพฤติกรรมราคา เราจะอธิบายขั้นตอนสำคัญที่คุณสามารถทำตามเพื่อเทรดโดยใช้ VCP

  1. ระบุแนวโน้มขาขึ้นในกราฟราคา จากนั้น ระบุจุดสูงสูงใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดเดิม ตามด้วยการดึงกลับในตลาดไซต์เวย์ รูปแบบ VCP ที่ดีต้องมีอย่างน้อย 2 ช่วงเพื่อแสดงให้เห็นระยะสะสม
  2. เช็กให้แน่ใจว่ารูปแบบประกอบด้วยจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดขนาดเล็กลง แสดงให้เห็นถึงแรงขายหรืออุปทานที่ลดลง
  3. รอการทะลุของราคาที่แสดงให้เห็นโมเมนตัมแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น คุณอาจเข้าออเดอร์ทันทีหลังการทะลุของราคา (ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์) อย่างไรก็ตาม นักเทรดที่มีประสบการณ์อาจเปิดการเทรดก่อนการทะลุของราคาเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด
  4. 1 – แนวโน้มขาขึ้น
    2 – การทะลุของราคา/จุดเข้า
    3 – การหดตัวของราคา
    4 – Stop Loss

  5. ท้ายที่สุด ตรวจสอบว่า Stop Loss อยู่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดสุดท้ายก่อนการทะลุของราคา การวาง Target Profit จะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ เช่น ระดับแนวต้านถัดไป หรือสังเกตรูปแบบกราฟแท่งเทียนที่แสดงการกลับทิศทาง เช่น รูปแบบดาว

จำไว้ว่าไม่มีรูปแบบใดที่ถูกต้อง 100% ดังนั้น จงเสี่ยงด้วยเงินที่สูญเสียได้และจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

ตัวอย่างรูปแบบ Volatility Contraction Pattern

หากต้องการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องมีสายตาเฉียบคมเมื่อระบุรูปแบบนี้

1 – แนวโน้มขาขึ้น
2 – การดึงกลับ
3 – จุดต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดเดิม
4 – การทะลุของราคา

ระบุแนวโน้มขาขึ้น รอการดึงกลับที่แสดงการเพิ่มขึ้นของอุปทาน ในรูปแบบ VCP ผู้ขายจะสูญเสียโมเมนตัมไม่นานหลังจากนั้น ทำให้เกิดตลาดไซต์เวย์

นี่คือระยะสำคัญที่ผู้ซื้อจะสร้างเงินกำไร รอจนกว่าตลาดจะสิ้นสุดระยะหดตัว ซึ่งมักมีแรงซื้อเพิ่มขึ้น แต่ไม่เกินจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดเดิม ดังที่แสดงในภาพด้านบน

สุดท้าย รอการทะลุของราคา (โมเมนตัมซื้อ) เพื่อเปิดการเทรด จำไว้ว่าไม่มีรูปแบบใดที่ถูกต้อง 100% ดังนั้น ตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า

ข้อสรุป

  • รูปแบบ Volatility Contraction Pattern ที่พัฒนาโดยคุณ Mark Minervini ถูกใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างแพร่หลายเพื่อระบุโอกาสขาขึ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ
  • รูปแบบก่อตัวในแนวโน้มขาขึ้นเมื่อราคาพักฐานผ่านการดึงกลับที่เล็กลงเรื่อย ๆ โดยแต่ละครั้งมีจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดเดิมและปริมาณการเทรดลดลง
  • รูปแบบนี้ส่งสัญญาณว่าแรงขายเหือดหาย ผู้ซื้อเข้าตลาดก่อนหน้า และการทะลุของราคามีแนวโน้มเกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์มากกว่าอุปทาน
  • สำหรับการเทรดโดยใช้ VCP ขอแนะนำให้นักเทรดเปิดการเทรดตอนหรือก่อนจะเกิดการทะลุของราคา วาง Stop Loss ต่ำกว่าจุดต่ำสุดล่าสุด และตั้ง Take Profit ตามแนวต้านหรือสัญญาณการกลับทิศทาง

มาเป็นนักเทรดมืออาชีพกับ Octa

สร้างบัญชีและเริ่มฝึกฝนตอนนี้

Octa